DOWNLOAD
TO GET
PRIVILEGES

MEGA 10TH MEGA TREND


ย้อนอดีตสู่ตัวตนอันแข็งแกร่งของเมกาบางนา แย้มเส้นทางตลอดทศวรรษของม้ามืดวงการรีเทลไทย พร้อมปักธงแห่งอนาคตบนวิถีมิกซ์ยูสหนึ่งเดียวของกรุงเทพฯ ตะวันออก โดยคุณพลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา

จุดเริ่มต้นของการสร้างมีทติ้งเพลสแห่งกรุงเทพฯ ตะวันออก
     ศูนย์การค้าเมกาบางนาเกิดจากความร่วมมือของ 2 รีเทลยักษ์ใหญ่จากคนละมุมโลก คือ บริษัท อิคาโน่ รีเทล เอเชีย จำกัด จากสวีเดน หรือก็คือบริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ อิเกีย กับ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ของประเทศไทย ทั้งสองบริษัทมีแนวทางการทำธุรกิจและความเชื่อมั่นในเรื่องเดียวกัน นั่นก็คือการสร้าง Meeting Place for People and Community และเมื่อคนสองคนที่มีวิสัยทัศน์แบบเดียวกันจับมือกันสร้าง The New Retail Destination ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ประเทศไทยเลยมีโอกาสได้ต้อนรับศูนย์การค้าแนวราบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ริมถนนบางนาตราดแห่งนี้

     หากเราลองย้อนคิดดูในเวลานั้น มันเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเรามาก ๆ ที่จะนำเสนอ Retail Concept แบบ Low-rise ให้กับลูกค้า ซึ่งก็คือทั้งผู้เช่าและลูกค้านักช้อปในไทย เพราะเมื่อสิบปีที่แล้วประเทศไทยยังไม่เคยมีศูนย์การค้า Low-rise และยังมีขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคแบบเมกาบางนามาก่อน ในเวลานั้นศูนย์การค้าทั่วไปจะมีลักษณะเป็นอาคารสูง โดยแต่ละชั้นก็จะมีร้านค้าแบ่งตามกลุ่มสินค้า และมีโซนพลาซ่านอกห้าง ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของการสร้างศูนย์การค้าในยุคนั้น
     แต่เมกาบางนากลับมีความแตกต่างและโดดเด่นอย่างชัดเจน ด้วยโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบแนวราบ (Low-rise) ที่เอื้อให้ลูกค้าที่มาใช้บริการได้รับความสะดวกในการเดินหาร้านค้า ไม่ว่าจะเริ่มเดินจากจุดไหนก็สามารถเดินวนจนครบได้อย่างง่ายดาย และด้วยรูปร่างแบบวงรีทำให้สามารถมองเห็นหน้าร้านของแต่ละร้านได้อย่างชัดเจนขณะที่กำลังเดินช้อปปิ้งจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง นอกจากนี้ด้วยความที่เรามีเพียง 2 ชั้น ทำให้การกระจายตัวของลูกค้าระหว่างชั้นที่ 1 กับชั้นที่ 2 เป็นไปอย่างลงตัว ไม่ว่าร้านค้าจะอยู่ชั้นไหน ลูกค้าก็ยังสามารถเดินไปช้อปได้อย่างทั่วถึง ซึ่งแตกต่างจากศูนย์การค้าที่มีหลายชั้นที่มักจะพบปัญหาของจำนวนลูกค้าในชั้นที่สูงขึ้นไป
     The Largest Low-rise Super Regional Mall แบบเมกาบางนา ถือว่าเป็นศูนย์การค้าที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้สร้างที่มีความล้ำสมัยมาก ๆ ในเวลานั้นผู้ถือหุ้นทั้ง 2 มีวิสัยทัศน์ที่มองขาดในเรื่องของการสร้างศูนย์การค้าแบบใหม่จริง ๆ กอปรกับในตอนนั้นยังเป็นช่วงเริ่มต้นของการ Urbanization ของเมือง เพราะกรุงเทพฯ ชั้นในเริ่มแออัดไปด้วยอาคารออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนคอนโดที่อยู่อาศัยมากมาย จึงเป็นที่มาของการขยายตัวของเมืองออกสู่ชานเมืองในแต่ละมุม มองย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2555 ที่ยังคงมีแต่พื้นที่ว่างเปล่ามากมาย ถึงแม้จะมีหมู่บ้านแต่ก็ไม่ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างทุกวันนี้ ไม่มีคอนโดมิเนียมเพราะส่วนใหญ่สร้างเกาะตามเส้นรถไฟฟ้าทั้งนั้น คงยากหากจะมีใครเชื่อว่าจะมีศูนย์การค้าขนาดยักษ์บนพื้นที่กว่า 400,000 ตารางเมตรมาเปิดให้บริการในฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก บนถนนบางนาตราด เขตบางพลี และคงจะยากหากจะบอกว่าโครงการในวันนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะหลายคนมองว่า ณ ที่ตั้งของเมกาบางนาเมื่อ 10 ปีก่อนนี้คือพื้นที่ที่ไกลจากตัวเมืองชั้นกลางและชั้นในมาก ไม่ติดรถไฟฟ้า อีกทั้งรถบริการสาธารณะก็มีจำนวนไม่มาก ซึ่งนับเป็นความท้าทายหลักของศูนย์ฯ ในเรื่องความสะดวกของการเดินทางมาที่นี่
 
     ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เราสนุกกับการแก้โจทย์และหาวิธีรับมือกับความท้าทายในทุกรูปแบบ ซึ่งเมกาบางนาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า วิสัยทัศน์ที่เรามีไม่ใช่เขียนอยู่บนแผ่นกระดาษ มันทำได้จริงและเราก็ได้ลงมือทำมันจนสำเร็จอย่างมีแบบแผน ในวันที่เราพบกับยุค Digital Disruption หลายคนบอกว่าลูกค้าจะเลิกเดินห้าง ไม่ซื้อของที่ศูนย์การค้าอีกต่อไปเพราะว่าทุกอย่างหาซื้อได้บนโลกออนไลน์ แต่เราก็พิสูจน์ว่า เมกาบางนายังคงได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากลูกค้าของเรา จากการสร้างความตื่นเต้น แปลกใหม่ สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้แบบครบวงจร เราปรับเปลี่ยนร้านค้าตามเทรนด์ รีโนเวทพื้นที่เพื่อสร้างประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้ ดึงเอาพื้นที่สีเขียวมาผสานอยู่ในพื้นที่เดียวกันของการช้อปปิ้งได้อย่างลงตัว

     ศูนย์การค้าเมกาบางนา มี Anchors หลักอยู่ 5 เจ้า ได้แก่ อิเกีย เซ็นทรัล@เมกาบางนา โรงภาพยนตร์เมกา ซีนีเพล็กซ์ บิ๊กซี และ โฮมโปร ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้ง 5 Anchors นี้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกความต้องการตั้งแต่ซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ช้อปปิ้งของเข้าบ้าน สินค้าแฟชั่นไปจนถึงสินค้าบิวตี้ ตลอดจนอุปกรณ์ของใช้ในออฟฟิศ อุปกรณ์ต่อเติมบ้านหรือเกี่ยวกับการดูแลบ้าน อีกทั้งยังมีเอนเตอร์เทนเมนท์อย่างโรงหนังขนาดใหญ่ที่มีถึง 15 โรง ที่มาพร้อมกับความบันเทิงอย่างโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ ซึ่งเราเลือกทั้ง 5 Anchors นี้จากความตั้งใจของเราที่อยากจะสร้างที่นี่ให้เป็น “A Shopping Centre For The Many People” หรือศูนย์การค้าสำหรับทุกคน ซึ่งทั้ง 5 Anchors อยู่กับเราตั้งแต่เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2555 มาจนถึงตอนนี้ นับว่าเป็นพันธมิตรที่ร่วมเดินทางและมีความสำคัญกับเมกาบางนาเป็นอย่างมาก
     ความสำเร็จของ เมกาบางนา ตลอดสิบปีที่ผ่านมาวัดได้จากสถิติของจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการโดยเฉลี่ย 48 ล้านคนต่อปี ถ้าคิดเป็นจำนวนลูกค้าทั้งหมด เมกาบางนาได้ต้อนรับลูกค้ามาแล้วกว่า 500 ล้านคน เรามีผู้เช่ามากกว่า 900 ราย มีผู้เช่ารายใหม่เวียนเข้ามาให้บริการและประสบการณ์ช้อปปิ้งใหม่ ๆ ให้ลูกค้าของเราตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงมีสัดส่วนของผู้เช่า 100% เต็มนับตั้งแต่เปิดให้บริการแม้ในสถานการณ์ “โควิด-19” ก็ตาม นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของ อิเกีย สโตร์ แห่งแรกในเมืองไทยที่เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2554 นับได้ว่าสร้างปรากฏการณ์แห่งวงการเฟอร์นิเจอร์ของประเทศไทย ที่ผู้นำเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกอย่างอิเกียเลือกที่จะมาเปิดให้บริการตรงนี้บนอาณาจักรของเมกาบางนา
     หากมองในมุมของการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและการสร้างความแข็งแรงให้กับคอมมูนิตี้รอบ ๆ เมกาบางนา เรายังมีส่วนช่วยให้เกิดการจ้างงานกว่า 5,000 อัตรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก และยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในย่านกรุงเทพฯ ตะวันออกและสมุทรปราการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมโครงการต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายในย่านนี้ภายหลังการมาของเมกาบางนา
สร้าง Your Everyday Meeting Place สำหรับทุกคน
     เราตั้งใจจะสร้างศูนย์การค้าเมกาบางนาให้เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน และอีกหนึ่งในเป้าหมายหลักของเรา คือการเป็น “Community Centric” โดยการสร้างพื้นที่ให้กับทุกคนในชุมชนโดยรอบอีกด้วย ซึ่งเราทำการศึกษาและวางแผนกันมาตั้งแต่เริ่มโครงการเมกาบางนา ในการเปลี่ยนให้พื้นที่กว่า 400 ไร่ของเรากลายเป็นโครงการแบบ Mixed-Use ที่มีความหลากหลาย เราจึงค่อย ๆ ขยายและต่อเติมโครงการส่วนต่อขยายเรื่อยมา อาทิ การขยายโซน Mega FoodWalk ซึ่งทำให้เราสามารถเพิ่มร้านอาหารขึ้นได้อีก 30-40 ร้าน การสร้างอาคารจอดรถที่สามารถรองรับรถได้กว่า 1,200 คัน และหลังจากนั้นในปี 2561 เราเปิดโรงเรียน D-PREP (Didyasarin International Preparatory School Bangkok) เพื่อให้เป็นพื้นที่แห่งการศึกษาและการเรียนรู้ หลังจากนั้นในปี 2562 เราทำโครงการ เมกา พาร์ค ซึ่งเป็นสวนสาธารณะในศูนย์การค้าเป็นแห่งแรก เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชน โดยเปิดให้ทุกคนเข้าใช้บริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ เรายังเพิ่มโซน เมกา สมาร์ท คิดส์ ให้เป็นพื้นที่สำหรับเด็ก โดยเราได้ พาร์ทเนอร์อย่าง บริษัท ฮาร์เบอร์แลนด์ กรุ๊ป มาเปิดสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้น ถัดมาในปี 2563 ในช่วงที่ประเทศไทยเผชิญสถานการณ์ “โควิด-19” มีนโยบายให้ทุกคนอยู่บ้าน เราใช้เวลานั้นในการเพิ่ม Play Area สำหรับเด็ก ๆ อย่างพื้นที่ธรรมชาติพร้อมสายน้ำ Stream Valley และบ่อทราย Sand Dune ซึ่งหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล๊อคดาวน์และอนุญาตให้ทุกคนออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว ทั้งสองโซนนี้กลายเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ มาก นับเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราทุกคนที่ เมกาบางนา ทุกโครงการของเราได้กลายเป็นพื้นที่สำหรับทุกคนจริง ๆ ซึ่งเป็นไปตามความตั้งใจและเป้าหมายหลักของเราตั้งแต่แรก นั่นจึงทำให้ เมกาบางนาได้รับรางวัลที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมการออกแบบอันผสานระหว่างอาคารและธรรมชาติสีเขียวได้อย่างลงตัว อาทิ Architizer A+ Awards 2018 และ World Architecture Festival 2018 ทั้งหมดนี้สะท้อนความสำเร็จและความมุ่งมั่นในการสร้างมีทติ้งเพลสของพวกเรา แต่สิ่งสำคัญกว่าก็คือ มันได้พิสูจน์ความพยายามของพวกเราที่ต้องการจะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งเราถือว่ามันคือรางวัลที่มีค่ามากที่สุดสำหรับพวกเราเหนือความสำเร็จอื่นใด

จาก เมกาบางนา สู่การเป็น เมกาซิตี้
     หนึ่งทศวรรษก้าวผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรายังคงดำเนินงานตามแผนต่อยอดสู่การเป็นโครงการ Mixed-Use ที่เป็นมากกว่าศูนย์การค้า ในชื่อของ “เมกาซิตี้” (Megacity) เรามีพื้นที่ที่ยังสามารถพัฒนาและเพิ่มเติมโครงการใหม่ ๆ ได้อีกกว่า 100 ไร่ และด้วยการขยายตัวของเมืองซึ่งทำให้ย่านบางนาและบางพลีไม่ใช่ทำเลที่คนรู้สึกไกลเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หมู่บ้านและคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากมาย และที่สำคัญประชากรที่อาศัยในฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออกมีกำลังซื้อสูง อีกทั้งการเดินทางก็สะดวกสบาย หากมองภาพระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่กำลังจะเสร็จเร็ว ๆ นี้ และยังมีโครงการสร้าง Light Rail เชื่อมต่อจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะเดินทางผ่านหน้าโครงการของเรา ปัจจัยสำคัญเหล่านี้จะส่งเสริมให้พื้นที่ทั้งหมดของโครงการเมกาซิตี้ กลายเป็นพื้นที่ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ พรั่งพร้อมไปด้วยระบบสาธารณูปโภคชั้นเยี่ยม และที่แน่ ๆ คือมีศูนย์การค้า เมกาบางนาเป็น Centerpiece อยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้
     แผนการขยายโครงการเมกาซิตี้ เริ่มขยับตัวอีกครั้งหลังจากที่เราสร้างส่วนตัวขยายรีเทล Mega FoodWalk แล้วเสร็จ โดยในช่วงปลายปี 2563 เริ่มจากต่อเติมอาคารจอดรถที่สามารถรองรับรถเพิ่มขึ้นอีก 2,000 คัน และในปี พ.ศ. 2564 บริษัท Mega Space1 ได้เริ่มทำการส่งมอบคอนโดมิเนียมโครงการ A-Space Mega ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัย (Residential) แห่งแรกของเมกาซิตี้ และขณะนี้ยังมีคอนโดมิเนียมโครงการที่สอง ที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2566
     และสิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นมากในปีนี้ คือเราได้มีโอกาสต้อนรับพาร์ทเนอร์ คนสำคัญอีกคนที่จะมาพร้อมกับโครงการ Sport & Entertainment Complex ขนาดใหญ่จากอเมริกาซึ่งก็คือ Topgolf Megacity โดยที่นี่จะเป็นที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 สำหรับ Topgolf นั้นถือเป็นแบรนด์สปอร์ตคอมเพล็กซ์ชั้นนำที่มีสาขามากถึง 70 สาขาเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว  ความพิเศษของ Topgolf คือ ที่นี่ไม่ใช่แค่สนามไดร์ฟสำหรับนักกอล์ฟแต่มันคือที่สำหรับทุกคนโดยไม่จำเป็นต้องเล่นกอล์ฟเป็นก็สามารถมาเล่นเพื่อความสนุกได้ มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการฝังชิพลงไปในลูกกอล์ฟทุกลูกเพื่อให้ผู้เล่นดูได้ว่าตีไปไกลแค่ไหนหรือแม่นยำแค่ไหน นอกจากนี้ยังมีส่วนพื้นที่ Entertainment เต็มรูปแบบและหลากหลาย เช่น สปอร์ตบาร์ ร้านอาหาร ถือว่าเป็น Sport & Entertainment Complex ที่ครบวงจรและสามารถเข้าใช้บริการได้ทุกเพศทุกวัย ไม่เว้นแม้แต่เด็ก ๆ
     นอกจากนี้ในแผน Master Plan ระยะยาว เรายังมีแผนที่จะร่วมมือกับ ผู้ประกอบการโรงแรมที่มีความแตกต่างกันในด้านขนาด และรูปแบบ โดยพื้นที่ของเราสามารถรองรับได้มากถึง 3-4 โรงแรม โดยจะแบ่งเป็นโรงแรมสำหรับนักธุรกิจ โรงแรมระดับ 5 ดาว และโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว
     โครงการเมกาซิตี้นับเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดยักษ์บนพื้นที่ทั้งหมดกว่า 400 ไร่ โดยความตั้งใจของพวกเราทุกคนที่นี่คือการสร้างเมืองที่พรั่งพร้อมไปด้วยโครงการอันหลากหลายที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราทุกคนสามารถใช้เวลาที่นี่ได้ครบวงจร ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ผสานได้ทุกไลฟ์สไตล์ ทันสมัยตลอดเวลา สนองต่อความต้องการได้อย่างครบครัน ครอบคลุมทุกสินค้าและการบริการแต่ก็ยังชอบมองหาความเป็นเอกลักษณ์เพื่อแสดงออกถึงตัวตน อยากจะมีโมเม้นต์ดี ๆ ส่วนตัวแต่ก็ยังต้องการมีเวลาให้กับครอบครัวแม้ว่าจะใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ถามหาความทันสมัยที่ลงตัวแต่ก็อยากจะมีส่วนร่วมในการดูแลโลกใบนี้เท่าที่ตัวเองจะมีส่วนร่วมได้ เรามีแนวคิดในการผสานพื้นที่สีเขียวของธรรมชาติจริง ๆ เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมืองที่แวดล้อมด้วยป่าคอนกรีตแต่ก็ยังโหยหาสัมผัสใกล้ชิดของธรรมชาติ และอีกหลากหลายความต้องการที่เรามองเห็นว่าเราสามารถสร้างเมกาซิตี้ให้ตอบโจทย์ชีวิตของคนได้อย่างไร้ขีดจำกัด และสอดรับได้อย่างลงตัวกับความเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต เพราะเมกาซิตี้และเมกาบางนา คือ Your Everyday Meeting Place จริง ๆ

สู่ยุทธศาสตร์ศูนย์การค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมที่เดินไปบนความความยั่งยืน
     นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการเมกาบางนา เมื่อ 10 ปีที่แล้ว รวมถึงการเปิดตัว โครงการเมกาซิตี้ ที่เราให้ความสำคัญควบคู่กันมาโดยตลอดคือประเด็นเรื่องการสร้างความยั่งยืนและการเป็นศูนย์การค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Sustainability & Eco-Friendly Operation) ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในทุกโครงการและการดำเนินงานด้านต่าง ๆ เราคำนึงถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อความยั่งยืนและการประหยัดพลังงานอยู่เสมอ ที่ผ่านมาโครงการของเราได้เริ่มติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ มาตั้งแต่ปี 2555 เพื่อช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า โดยเปลี่ยนมาใช้พลังจากแสงอาทิตย์ โดยทำควบคู่กับการทำระบบ Chiller Optimization ซึ่งทำให้ในปี 2558 เราสามารถลดการใช้ไฟฟ้าของระบบปรับอากาศได้มากกว่า 20%
     และในปีนี้เรามีโครงการที่จะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 17,000 แผง ครอบคลุมทุกพื้นที่ของศูนย์การค้า 60,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้เราสามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้ 13 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี หรือเทียบเท่าปริมาณการใช้ไฟฟ้ามากถึง 9,000 ครัวเรือน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกได้ถึง 8.3 ล้านกิโลกรัมต่อปี
     นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการบำบัดน้ำ จากเดิมที่เรามีบ่อบำบัดน้ำอยู่แล้วหนึ่งบ่อ ปี พ.ศ. 2560 เราทำการศึกษาพบว่าการมีบ่อบำบัดบ่อเดียวอาจจะไม่เพียงพอที่จะรองรับการขยายตัวของโครงการต่าง ๆ ในเมกาซิตี้ เราจึงสร้างเพิ่มอีก 1 บ่อโดยเลือกใช้เทคโนโลยีเมมเบรน ซึ่งเป็นการบำบัดน้ำเสียโดยไม่ใช้สารเคมี เป็นเทคโนโลยีเดียวกับระบบกรองน้ำดื่ม น้ำที่บ่อบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่นี้ เมื่อปล่อยออกมาจะมีความสะอาดมากพอที่จะนำมาใช้ในการดูแลต้นไม้ ทำความสะอาด ในศูนย์การค้าได้อีกด้วย โดยเราได้เริ่มทดลองใช้งานเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังเปิดให้ประชาชนหรือผู้ที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้กระบวนการนี้อีกด้วยผ่านการติดตั้งกระจกใสบริเวณบ่อ
     ถัดจากนี้เรายังเตรียมโครงการทำ Chiller Plant หรือ โรงผลิตน้ำเย็น ซึ่งเป็นการประหยัดพลังงานจากเครื่องปรับอากาศ โดยเราตั้งเป้าหมายสูงสุดไว้ที่การทำให้ เมกาซิตี้ เป็นโครงการที่ประหยัดทรัพยากรและประหยัดพลังงานให้มากที่สุด เช่นเดียวกับการส่งมอบพื้นที่สีเขียวกว่า 7 ไร่ ในชื่อ เมกา พาร์ค เพื่อให้เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ของชุมชนย่านบางนาที่ทุกคนเข้าใช้บริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
     ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในความพยายามที่จะสร้างให้ เมกาซิตี้ ก้าวสู่การเป็นเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อมในทุกวิถีทาง และเดินไปบนความยั่งยืนเพื่อเฉลิมฉลองหนึ่งทศวรรษของการเดินทางร่วมไปกับชุมชน ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า เมกาซิตี้ จะยังคงพัฒนาศักยภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้ผู้คนได้ต่อเนื่องและยาวนานยิ่งขึ้นไปตราบนานเท่านาน


MR. CHRISTIAN ROEJKJAER
CEO IKANO RETAIL

     สร้างสรรค์พื้นที่แห่งการพบปะเพื่อชุมชนแห่งกรุงเทพฯ ตะวันออก ผมยังจำช่วงเวลาเมื่อหลายปีก่อนที่พวกเราขับรถทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อค้นหาทำเลที่ดีที่สุดสำหรับ Retail Space โจทย์หลักของพวกเราในตอนนั้น คือมันจะต้องเป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เป็นกันเอง สามารถมอบช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนในกรุงเทพฯ ที่ดีเยี่ยมให้กับทุกคน เป็นสถานที่ที่สามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใช้บริการ และพวกเราเชื่อมั่นว่าพื้นที่แห่งนี้สามารถมอบประสบการณ์ที่พิเศษที่จะไม่สามารถหาได้จากที่ไหนในกรุงเทพฯ นั่นก็คือ IKEA สาขาแรกของประเทศไทย เมื่อเวลาผ่านไปสิบปี พื้นที่ว่างเปล่าแห่งนั้นในจังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่ทางทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ ได้กลายเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเมกาบางนา โดยมีร้านค้ามากกว่า 900 ร้านค้า จึงทำให้ศูนย์การค้าเมกาบางนา มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร และกลายมาเป็นจุดหมายแห่งการนัดพบที่สามารถดึงดูดผู้คนและชุมชนรอบข้างได้อย่างลงตัว
ปัจจัยแห่งความสำเร็จคืออะไร?
     สิ่งแรก คือเราตั้งใจให้ศูนย์การค้าเมกาบางนา เป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดสำหรับกรุงเทพฯ เราต้องการสร้างสิ่งที่มีความพิเศษอย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของการเป็นศูนย์กลางการจับจ่ายใช้สอย ร้านอาหาร และเครื่องดื่มที่ครบทุกความต้องการ และในแง่ของการเป็นพื้นที่สาธารณะที่ตอบโจทย์การจัดงานกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย
     และอย่างที่สอง คือเราไม่เคยหยุดนิ่งกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น แต่เรายังคงพัฒนาต่อไปโดยการให้ลูกค้าและผู้เช่ามีส่วนร่วมในการพัฒนาศูนย์ฯ และเราเองก็ตอบรับความความคิดเห็นของพวกเขาเหล่านั้น ด้วยการพัฒนาสิ่งใหม่ที่ดีขึ้นและยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ขอบคุณทุกคนจากใจ!
     สำหรับความสำเร็จที่ผ่านมา เรารู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อคนไทยและคนกรุงเทพฯ ทุกคน ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และขอขอบคุณพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจทุกท่านที่ร่วมงานกับเรามาโดยตลอดในทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสถานการณ์ยากลำบากที่เกิดการระบาดของโรคโควิด 19 บทเรียนที่ผมยึดมั่นมากที่สุด คือวิธีการทำงาน ที่ไม่ใช่แค่เพียงทำด้วยสมองหรือหัวใจเท่านั้น แต่ยังต้องทำเพื่อรอยยิ้มของคนไทยที่จับใจพวกเราทุกคนอีกด้วย 
     เราขอแสดงความขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจของลูกค้ากว่าสามสิบล้านคนที่มาใช้บริการในแต่ละเดือน รวมไปถึงผู้เช่าและซัพพลายเออร์ของเราทุกคน รวมไปถึงเราขอส่งคำขอบคุณไปยังหน่วยงานราชการในประเทศไทยที่เชื่อมั่นในตัวเรามาตั้งแต่เริ่มต้น 
     นับจากวันแรก ศูนย์การค้าเมกาบางนา ช่วยกระตุ้นการเติบโตและการขยายตัวของพื้นที่แห่งนี้ เรายังคงตื่นเต้นกับการก้าวเดินต่อไปในอนาคต ด้วยการพัฒนา Megacity ที่จะมาสร้างนิยามใหม่ให้กับความสัมพันธ์ของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ผ่านการใช้ชีวิต ทำงาน เล่น ช้อป กิน และใช้เวลาร่วมกัน
     ขอแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบสิบปี วิสัยทัศน์ของเราที่ต้องการจะรังสรรค์ชีวิตที่ดีขึ้นของคนกรุงเทพฯ ได้กลายเป็นความจริงในที่สุดครับ!


คุณวัลยา จิราธิวัฒน์
กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

MS. WALLAYA CHIRATHIVAT
PRESIDENT AND CEO OF CENTRAL PATTANA PLC.

     ในนามของ เซ็นทรัลพัฒนา บริษัทร่วมทุนโครงการ เมกาบางนา ดิฉันขอแสดงความยินดีกับศูนย์การค้า เมกาบางนาในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการดำเนินธุรกิจ และได้สร้าง Milestones สำคัญให้กับวงการรีเทลด้วยการจับมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Ikano และเปิดให้บริการอิเกียสาขาแรกของประเทศไทย
     นับตั้งแต่วันแรกที่ เมกาบางนา เปิดให้บริการ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งพาร์ทเนอร์ ร้านค้า และลูกค้า โดยเมกาบางนา เป็นโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับ Super Regional Mall รวมถึงเข้ามาเติมเต็มยกระดับคุณภาพชีวิต ถือเป็นการบุกเบิก Retail Landscape เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองหลวงและการขยายตัวของหมู่บ้านระดับ High-End โดยรอบ ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก
     ทั้ง เมกาบางนา และ เซ็นทรัลพัฒนา ต่างก็มีเป้าหมายและมีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน โดยเซ็นทรัลพัฒนามุ่งสร้าง ‘ศูนย์กลางการใช้ชีวิต’ หรือ ‘Center of Life’ ให้กับชุมชน สอดคล้องกับเมกาบางนาที่มีจุดยืนในการเป็น ‘Meeting Place’ สำหรับทุกคนในครอบครัว ซึ่งเราทั้งคู่ล้วนมุ่งสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง คัดสรรสินค้าและบริการที่ครบครันและตอบโจทย์ครอบคลุมได้ทุกไลฟ์สไตล์สำหรับทุกคน พร้อมมอบประสบการณ์ความสุขที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
     สุดท้ายนี้ ดิฉันเชื่อมั่นว่า เมกาบางนา จะยังคงเดินหน้าเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และ เซ็นทรัลพัฒนา ก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเป็นพันธมิตรที่ดีที่คอยสนับสนุนและร่วมสร้างความสำเร็จทุกก้าวไปด้วยกัน